วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ละคร หยกเลือดมังกร ตอน10 วันที่ 13 ธันวาคม 2555


ละคร หยกเลือดมังกร ตอน10 วันที่ 13 ธันวาคม 2555 
ออกอากาศทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางช่อง 7 สี
เจ้าสัวเล้ง มังกรหนุ่มทายาทรุ่นที่สองของ มังกรวารี เจ้าของธุรกิจขนส่งทางน้ำที่ได้ ชื่อว่าเป็น มังกรวารีแห่งท้องทะเล กำลังจัดงานเลี้ยงฉลองเปิดตัวโครงการท่าเรือน้ำลึกขนาด ใหญ่มูลค่านับพันล้านที่ตนเองเป็นผู้ริเริ่มโครงการ โดยไม่ฟังคำทักท้วงของ โหงว มือขวาคนสนิทของเตี่ยที่ร่วมก่อร่างสร้างตัวกันมาว่าไม่ให้เดินหน้าโครงการใหญ่โตเกินกำลัง ซึ่งแท้จริงแล้วโหงวริษยาและต้องการกำจัดเจ้าสัวเล้ง เพราะกำลังถูกเด็กหนุ่มรุ่นลูกมาลดบทบาทความ สำคัญในธุรกิจที่ร่วมสร้างมากับมือ โดยโหงวรู้เรื่องที่จะถูกลดบทบาทมาจาก ดวงแข คู่ขานักร้องสาวในไนท์คลับที่ส่งไปบำเรอเจ้าสัวเล้งจนหลงรักหัวปักหัวปำและยกตำแหน่งเมียน้อย ให้อย่างลับ ๆ 

นักแสดงจากละคร "หยกเลือดมังกร" อาทิ พอร์ช - ศรัณย์ ศิริลักษณ์ , มิน - พีชญา วัฒนามนตรี , ซัน - พิชยดนย์ ศิระวนาดร , กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล , เชน - ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ , เจมส์ – เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์  ,เมฆ - วินัย ไกรบุตร , ทองขาว ภัทรโชคชัย , พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ ,เขาทราย แกแล็คซี่ ฯ  



รับชม ละคร หยกเลือดมังกร (ตอนที่ 10) วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ย้อนหลัง ช่วงที่ 2/4


รับชม ละคร หยกเลือดมังกร (ตอนที่ 10) วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ย้อนหลัง ช่วงที่ 3/4


รับชม ละคร หยกเลือดมังกร (ตอนที่ 10) วันที่ 13 ธันวาคม 2555 ย้อนหลัง ช่วงที่ 4/4

หยกเลือดมังกร ย้อนหลัง,ละคร หยกเลือดมังกร,หยกเลือดมังกร 13 ธ.ค.55,หยกเลือดมังกร 13/12/55,หยกเลือดมังกร 13ธันวาคม 2555,ดูละครทีวี หยกเลือดมังกร

0 ความคิดเห็น:

วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แรงเงา วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

แรงเงา วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

เวลาเดียวกันที่โรงพยาบาล ไม่มีใครนอนเฝ้านพนภาที่ห้อง เนตรนภิศมาเยี่ยมเห็นพี่สาวนอนนิ่งเหมือนผัก เนตรนภิศก็เดินมาพูดเยาะเย้ยอย่างสะใจ โดยไม่ได้สังเกตว่าอินเตอร์คอมเปิดอยู่

“ไงคะ นอนตาปริบ ๆ คิดอะไรอยู่ ฉันรู้ในหัวพี่คิดอยู่อย่างเดียวคือ ผัวฉันอยู่ไหน ผัวฉันหายไปไหน...เขาก็ไปเมามัวมั่วกามอยู่น่ะซี....มีแต่นังน้องโง่เง่าไม่เอาไหนเท่านั้นแหละที่มาคอยเฝ้า เคยจิกหัวใช้มาตั้งแต่เล็กจนโต ก็ยังเป็นนางทาสผู้ภักดีอยู่ แต่วันนี้ถึงวันเลิกทาสแล้วค่ะ”

นพนภาตาเบิกกว้างมีอาการเหมือนสะท้านเยือก เนตรนภิศยิ้มเยาะ เดินกรายมาพูดกรอกหู

“เป็นอะไรคะ ฉี่ออกมาหรือ เชิญนอนจมอึจมเยี่ยวไปก่อนนะคะ ฉันเพิ่งไปทำเล็บมา...มองหาใครช่วยคะ แม่หรือ แม่ไม่มาหรอกค่ะ เพราะงกวิ่งวุ่นหาเงินมาทำหน้า ลูกเต้าไม่สนหรอกค่ะ”

นพนภาตัวสั่นหายใจหอบ เนตรนภิศเห็นสภาพของพี่สาวยิ่งสมใจ ก่อนจะระบายความในใจออกมา


“แม่รักแต่พี่เพราะพี่สวย หัวดี ช่วยกิจการเขาให้งอกเงย แม่ดูถูกว่าฉันคืออีโง่ แต่ฉันไม่ได้โง่...รู้ไหม เรื่องนังมุตตาเริ่มต้นมาจากไหน...วันนึงนังแจงจิต เลขาฯหน้ากะปอม มาบอกหนูให้รีบไปบอกพี่ว่า ผัวพี่กำลังจ้องนังมุตตาตาเป็นมัน ฉันเตรียมไปบอก แต่จู่ ๆ วันนั้นพี่ก็อาละวาดตบฉัน ฉันก็เลยปิดปากไว้ รอให้ผัวพี่หลอกเคลมนังนั่นจนหนำใจ”

เนตรนภิศพูดออกมา โดยไม่รู้ว่าเวลานั้นอินเตอร์คอมฯถ่ายทอดเสียงออกมาข้างนอกห้อง ทั้ง นภางค์ เจนภพ และแจงจิต ที่กำลังเข้ามาเยี่ยมนพนภาได้ยินที่เนตรนภิศพูดทั้งหมดถึงกับอึ้ง

“ระหว่างนั้นฉันก็ส่งหนูรัชนกเข้าไป ไม่ใช่เป็นสปายให้พี่ แต่ให้มันยุแยงนังมุตตาให้จมปลักกับพี่ภพจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วฉันจึงปล่อยคลิปที่สมุยออกมา จนพี่ตามไปตบมันมุกกระจายไง กระจายเหมือนวันที่พี่ตกลงมาเป็นผักแบบนี้ไงคะ”

นพนภาฟังน้ำตาซึมแล้วหวนคิดถึงกรรม แววตาสงบลงเพ่งมองน้องสาวอย่างสังเวช เนตร นภิศยังไม่หนำใจ จึงบรรยายแผนชั่วทำลายครอบ ครัวพี่สาวต่ออย่างไม่รู้สึกผิด 

“มันหายไปแล้วกลับมาใหม่ คราวนี้มันร้ายผิดไปเป็นคนละคน ฉันกับหนูนกก็คอยเป่าหูพี่ให้มากขึ้น และฉันก็พบว่าถ้าพี่หึงผัวมาก ๆ แล้วจะช็อก ฉันก็เลยได้ให้พี่ได้หึงผัวอีกชุดใหญ่ ให้มันตามไปอาละวาดพี่กลางงานปาร์ตี้ ค่ะ ไม่ใช่นังแต้วมันปากมากหรอกค่ะ แต่เป็นหนูเองที่บอกมันทุกอย่าง ให้มันตามไป...จากนั้น ฉันก็เลยทำคลิปเด็ด แต่ผัวพี่เกิดเป็นคนดีขึ้นมา เลิกกับนังนั่นแล้วจริง ๆ...ฉันก็เลยต้องหาคนที่เหมือนมุตตา และใจกล้าหน้าด้านพอจะหลอกผัวพี่ไปขึ้นเตียง ก็คือหนูนกแสนซื่อแสนดีของพี่ไงคะ” เนตรนภิศหัวเราะเยาะเย้ยพี่สาว

นพนภานิ่งสงบ แต่เนตรนภิศกลับยิ่งวิกลด้วยความแค้น 

“และเมื่อนังมุตตามันนัดผัวพี่ไปเพื่อบอกเลิก ฉันก็แค่เอาคลิปนังมุตตาตัวปลอมให้พี่ดู แค่ยัดปืนใส่มือพี่ แค่ขับรถพาไปให้ทัน แค่นั้นกรรมก็ส่งผลของมันแล้ว”

เนตรนภิศมองดูความนิ่งของนพนภา ก็เข้ามาเขย่าตัวอย่างบ้าคลั่ง

“ทำไมนิ่ง ทำไมไม่แค้น ฉันรู้ว่าพี่ได้ยินทุกคำ ได้ยินไหม เงากรรมมันตามทันพี่แล้ว”

“แล้วก็ตามทันแกด้วยนังนภิศ” นภางค์ เจนภพ สร้อยคำ แต้ว แจงจิตทุกคนก้าวเข้ามาในห้อง เนตรนภิศตาเหลือกจับคอเสื้อนพนภาค้าง เจนภพถลันมาจับเนตรนภิศเหวี่ยงไปกลางห้อง

“แม่นภาฉลาดกว่าแกเสมอ ถึงขยับตัวไม่ได้แต่ก็ขยับนิ้วกดอินเตอร์คอมฯให้แกได้ออกอากาศ”

“คุณแม่” เนตรนภิศตกใจ

“ไป! ฉันไม่อยากมาตัดแม่ตัดลูกกับแกตอนนี้”

“อะไรกันคะคุณแม่ ถึงขั้นจะตัดแม่ตัดลูกกับหนูเลยเหรอ”

นภางค์มองหน้าเนตรนภิศนิ่ง แล้วอย่างไม่มีใครคาด นภางค์ฟาดฝ่ามือเข้าเต็มหน้าเนตร นภิศ เนตรนภิศตกใจวิ่งร้องไห้ออกไป นพนภามองตามตัวสั่น เจนภพกอดนภาแน่นเข้า นภางค์น้ำตาร่วง ทุกคนได้แต่สลดใจ

มุนินทร์กลับมาบ้านด้วยความสลดใจ อีกวันเดียวก็จะถึงวันเผาศพน้องสาว...มุนินทร์มาช่วยพิณร้อยพวงมาลัย พิณเห็นมุนินทร์แล้วอดนึกถึงมุตตาไม่ได้ เพราะก่อนตายมุตตายังร้อยพวงมาลัยมาขออโหสิกรรม

“วันนั้น แกกับฉันจะสังหรณ์ซักนิดก็ไม่มี ลูกมาขออโหสิกรรม ลาไปตายแท้ ๆ”

พิณกับแปลกถอนใจ มุนินทร์ใจหายวาบ

“ช่วงนั้นมัวแต่ไปสนใจเรื่องชาวบ้านน่ะซี ช่วงนั้นรินมันเพิ่งอุ้มท้องกลับมา ลือกันทั้งตำบลว่ามันเป็นเอดส์”

“ฉันกับพ่อแกน่ะห้ามตาไปมาหาสู่ ตอนนั้นน่ะคิดอยู่แต่ว่าท้องไม่มีพ่อแถมติดโรคร้าย จะกลับมาให้พ่อแม่อับอายขายขี้หน้าทำไม ตายซะยังดีกว่า”

นางพิณเล่าเรื่อยเจื้อย แต่มุนินทร์แทบผงะ

“แม่แค่คิด หรือว่าแม่พูดออกไปด้วยคะ”

“ฉันจำไม่ได้ ตั้งร้อยวันมาแล้ว ทำไม ฉันพูดไม่พูดแล้วมันยังไง”

“ถ้าแม่พูดออกไป นั่นก็คือคำพิพากษา ให้ตาลงโทษประหารตัวเองไงคะ”

พิณผงะไปแล้วร้องไห้ออกมา นายแปลกหน้าเผือด มุนินทร์ขมขื่นสุดขีด

“ตกลงทุกคนช่วยกันลงมือให้ตาตาย”

“นิน ใจเย็น ๆ อดีตมันผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้แล้ว แต่เราจะได้ใช้มันเป็นบทเรียนให้เราไม่ทำผิดอีก”

มุนินทร์มองดูแม่เห็นการโทษตัวเองอย่างแรงกล้า

“ฉันผิดเอง ฉันทำผิดมาตลอด ฉันทำไม่ดีกับตาไว้มาก”

มุนินทร์กุมมือนางพิณไว้ นางพิณมองอดีตลูกชังน้ำตานองหน้า

“แม่คะ”

“กับแกก็เหมือนกัน นิน”

พิณกอดลูกไว้ราวจะขอโทษลูกทั้งสองคน นายแปลกสะอื้นฮัก แต่ทั้ง 3 พ่อแม่ลูกราวกับได้ขอโทษซึ่งกันและกัน ไม่มีเวรใด ๆ ติดค้างในใจมุนินทร์อีกต่อไป

วีกิจเดินทางมาถึงเพชรบูรณ์เช็กอินเข้าพักในโรงแรมตัวเมือง ก่อนจะออกตามหาบ้านของมุตตาซึ่งทำไร่ดอกไม้ พนักงานโรงแรมแนะนำให้วีกิจไปคุยกับหมอบี เพราะรู้จักที่นั่นดี...หมอบีได้เจอกับวีกิจ ทั้งสองนั่งคุยกันเรื่องมุตตาและมุนินทร์

“ผมเป็นเพื่อนสมัยเรียนของน้องตากับไอ้นิน”

“ทำไมเรียกอย่างงั้นล่ะฮะ”“สองคนนี่เด็กกว่าผม 2 ปี แต่ไอ้นินมันเรียนเร็ว เลยเรียนชั้นเดียวกับผม มันเรียนเก่งกว่าผม แต่ทั้งดื้อทั้งซน โดดเรียนจนครูแทบฆ่ามัน แวบไปแวบมาเป็นนินจา”

“ฮะ เขาเป็นนินจา”

“แต่มันไม่ได้โดดไปเล่น ๆ นะฮะ มันแวบไปรับงานพิเศษทำ หาเงินตัวเป็นเกลียว แต่กับน้องตา ผมเคยสนิทกับตามากนะฮะ พอโดนนินแกล้งก็มาฟ้องผม ให้ผมไปจัดการให้ แต่ผมกลับโดนมันถล่มกลับ”

“เขาร้ายจะตายฮะ เจ้าคิดเจ้าแค้นยังกะอะไรดี”

หมอบีไม่ได้เล่าให้ฟังเรื่องการตายของมุตตา แต่เขาพาวีกิจมาที่บ้าน

ที่กระทรวงรัชนกถูกเจนภพเรียกไปคุยเพื่อเชิญให้ออกจากการเป็นลูกจ้างชั่วคราว โดยเอาเรื่องที่เธอทำไว้มาคุย รัชนกไม่ได้สลด แถมยังยิ้มยั่ว

“ปากจัดอย่างนี้ เรียนมาจากเมียอัมพาตของคุณแน่เลย ถ้าฉันทำผิดคุณก็น่าจะต้องตั้งกรรมการสอบสวนซีคะ”

“คงมีกรรมการที่ทั้งอยากสอบสวนคุณอยู่หลายคน ถ้าได้เห็นคลิปชุดนี้”

เจนภพกดเพลย์ภาพคลิป รัชนกในคราบมุตตาที่ขึ้นคร่อมเจนภพ และคลิปประสิทธิ์ชัยปลุกปล้ำรัชนก

“แค่ 2 คลิปนี่ คณะกรรมการคงไม่มีใครคิดว่าคุณคือสาวแสนซื่อที่ตกเป็นเหยื่อแล้วล่ะ”

รัชนกพลันปรบมือ หน้านิ่ง ไม่มีท่าทีเกรงกลัว

“โอเคค่ะ คุณชนะ เฮ้อ พวกคุณทำลายฝันฉันหมดเลย ฉันกะจะเก็บไปให้ถึงซีสิบเอ็ดก่อนน่ะซีคะ แล้วถึงจะออก นี่ได้แค่ซี 4 กระจอก ๆ กับซี 8 ที่เกือบหมดน้ำยาเท่านั้นเอง”

“ใช่ ผมควรจะรู้ตัวซักที”

รัชนกผิดคาด ยิ้มพราย ยักไหล่เดินออกไปอย่างไม่แคร์ในสิ่งที่ทำ...พอเดินออกมาก็เห็นแจงจิต ปริม ทิพอาภา อรพิม เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ ยืนอออยู่หน้าห้อง แม่สาวเจ้าเล่ห์ก็แสร้งทำเป็นร้องไห้เสียใจ แถมยังโกหกเพื่อน ๆ หน้าตายว่าเพราะเธอไม่ยอมไปนอนกับเจนภพ เขาเลยไล่เธอออก แต่ไม่มีใครเชื่อ

มุนินทร์เห็นวีกิจมา เธอก็ตื่นเต้นดีใจ แต่หน้าเชิด พูดจาเหมือนไม่อยากจะต้อนรับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมบอกให้รู้เรื่องมุตตา แต่ขับรถพาไปที่วัดเพื่อให้เขาเห็นกับตาว่ามุตตาอยู่ที่ไหน

“ตามาถือศีลหรือฮะ”

“ค่ะ ตอนนี้ตาละเว้นจากบาปทั้งหลายแล้ว” มุนินทร์พูดเสียงเรียบ

วีกิจพูดไม่ออก เพราะไม่ว่าพูดอะไรก็โดนจิกกัดได้หมด...มุนินทร์พาวีกิจเข้าไปในป่าช้า แล้วชี้หลุมศพของน้องสาวให้เขาดู วีกิจถึงกับยืนช็อก

“นี่ไงคะ เราให้ตาอยู่ตรงนี้ เราฝังตาไว้ที่นี่ครบร้อยวันแล้ว”

วีกิจตัวชาวูบ มองดูป้ายไม้มีรูปมุตตาเล็ก ๆ ปิดอยู่มองออกมา ไม้เลื้อยรอบเสาออกดอกพราว

“ตา! เกิดอะไรขึ้นฮะ”

“ฉันกลับมาจากอเมริกา กลับมาบ้าน มาหาพ่อแม่ หาตา แต่ตาไม่ยอมรอฉัน”

“นี่มันเมื่อไรกันครับ”

“ตาเพิ่งกลับมาจากกรุงเทพฯได้สองวัน ฉันเป็นคนแรกที่เห็นตาผูกคอตายอย่างโดดเดี่ยว แต่ตาไม่ได้จากไปตามลำพัง ตาตายพร้อมกับลูกในท้อง เลือดเนื้อเชื้อไขของอาคุณ”

วีกิจน้ำตาเอ่อคุกเข่าลงช้า ๆ ก้มหน้าลงร้องไห้ ภาพมุตตาที่ได้เห็นครั้งสุดท้ายเมื่อมีชีวิตแวบเข้ามา

“ตา วันนั้นเอง ตามองผมแบบรู้ว่าเป็นการมองครั้งสุดท้าย” มุนินทร์มองดูสะเทือนใจเรื่องน้อง แต่ใจอีกครึ่งก็ยิ่งเชื่อว่าวีกิจรักแต่มุตตา มุนินทร์เชิดหน้าให้น้ำตาแห้งหาย

“ทำไมฮะ ทำไม”

“ตาเลือกแบบนั้น มนุษย์มีสิทธิที่จะเลือก มันอาจไม่ถูกต้อง แต่ตาก็เลือกไปแล้ว ในขณะที่ฉันเลือกที่จะให้ตายังอยู่ และกลับไปเรียกหาความยุติธรรม”

“คุณถึงกลับไปสวมบทบาทมุตตา”

“และฉันพบว่าบางทีสิ่งที่ฉันเลือกอาจจะผิด และสิ่งที่ตาเลือกอาจจะถูกก็ได้ เรากลับกันได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้เราจะทำบุญให้ตา มะรืนนี้เป็นวันเผา”

“ผมจะอยู่จนถึงวันนั้น ขอให้ผมได้ส่งศพเป็นครั้งสุดท้าย”

ทั้งคู่ยืนมองหลุมศพงดงามนั้น ดอกลั่นทมโปรยลงบนหญ้าเขียววันถัดมา ทุกคนในกองก็ได้รับการ์ดงานศพของมุตตา จงสวัสดิ์ แต่ละคนพากันวิพากษ์วิจารณ์เพราะคิดว่าเป็นการล้อเล่น กระทั่งเจนภพได้รับโทรศัพท์จากวีกิจโทรฯมา

“มะรืนนี้ อาภพขึ้นมาเพชรบูรณ์ได้ไหมฮะ”

“มีอะไรหรือ”

“ผมอยากให้อาภพมาให้ได้ มาแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ยังดี อย่างน้อยก็มาใส่ดอกไม้จันทน์ และขออโหสิกรรมกับตาก็พอ”

เจนภพตัวชาวาบ การ์ดร่วงหลุดจากมือ เซไปเกาะผนังและทรุดลงน้ำตาซึม

เจนภพเดินคอตกกลับมาบ้าน เล่าเรื่องมุตตาฆ่าตัวตายเมื่อสามเดือนก่อนให้สร้อยคำฟัง

“แล้ว...มุตตาที่กลับมาสร้างเรื่องวุ่นวาย คือใครล่ะคะ”

“ผู้หญิงคนนั้นคือพี่สาวฝาแฝดของตา เขาสวมรอยเป็นตากลับมาแก้แค้นให้น้องสาว”

สร้อยคำพึมพำ ทำไม ทำไมหนูตาต้องทำอย่างนี้ด้วย “ตาท้องฮะ ตาท้องกับผมได้สามเดือน ตาคงหมดทางเลือกอื่นจริง ๆ จึงได้เลือกความตายให้เขากับลูกเป็นทางออก”

“โธ่เอ๋ย กรรมเวรอะไรอย่างนี้ โธ่เอ๋ย หนูตา”

“พี่สาวของตาชื่อมุนินทร์ฮะ ที่เขาทำลงไปมันสาสมแล้ว ผมจะไม่โทษเขาเลย แต่ผมต้องโทษตัวเอง ที่ทำลายชีวิตไปไม่รู้กี่คน” เจนภพรู้สึกผิดอย่างรุนแรง แต่มันก็สายไปแล้ว

ด้านมุนินทร์มาเดินเล่นที่ริมบึงบัว นึกถึงความหลังที่เธอกับน้องสาวเคยทะเลาะกัน จนเกือบทำให้มุตตาตายตั้งแต่เด็ก...มุนินทร์ยังรู้สึกผิด ยืนเหม่ออยู่ริมบึงบัว พลันเหลือบเห็นรินลดากำลังเดินลงน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย มุนินทร์ตกใจมาก รีบตามไปช่วย และลากตัวรินลดาขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ

“เธอช่วยฉันไว้ทำไม ฉันอยากตาย”

มุนินทร์กอดรินลดาไว้อย่างปลอบประโลม รินลดาตัวสั่น

“เธอไม่กลัวติดโรคหรือ แม่ฉันติดโรคจากฉันเพิ่งตายไป”

“แม่เธอหัวใจวายต่างหาก ริน เธอจะให้ลูกตายไปกับเธอหรือ อีกแค่ 2 เดือน แกก็จะลืมตาดูโลกแล้วนะ”

“อีก 2 เดือน แกก็จะเป็นเด็กที่ติดเอดส์”มุนินทร์บีบมือรินลดา

“เธอรู้ไหมมีเด็กตั้งเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ติดโรคจากแม่ที่เป็นเอดส์ เธอจะไม่ให้โอกาสลูกเธอเลยหรือ”

“จริงหรือ”

“จริงซี ให้โอกาสลูกและให้โอกาสตัวเธอเองเถอะนะริน”

“ให้ฉันสู้กับโชคชะตาหรือ” 

“ใช่ ถึงวันนึงเราจะแพ้ แต่อย่างน้อยเราก็ได้สู้แล้วไง ริน” มุนินทร์ให้กำลังใจ

รินลดารู้สึกมีความหวังและกำลังใจขึ้น เธอยิ้มให้มุนินทร์อย่างขอบคุณ

ก่อนเจนภพจะเดินทางไปเพชรบูรณ์ เขานำช่อดอกลิลลี่มาหานพนภาที่ห้องคนไข้ พร้อมกับบอกเล่าเรื่องมุตตาฆ่าตัวตายพร้อมลูกในท้องให้นพนภาฟัง นพนภารู้สึกยะเยือก แม้จะพูดออกมาไม่ได้ แต่แววตาและท่าทางของเธอบอกว่ารู้สึกผิด

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่สาวฝาแฝดของตา เขาถึงได้มาตอบโต้คุณ ตอบโต้ผมอย่างแสนสาหัสขนาดนั้น”

น้ำตานพนภาเอ่อขึ้นแล้วรินไหลลงช้า ๆ เจนภพน้ำตาคลอ ยกช่อลิลลี่ขึ้น

“ดอกไม้นี่ ตาเคยชอบมาก ผมอยากเอาไปให้เขาเป็นครั้งสุดท้าย”

นพนภามองดอกลิลลี่ นิ่ง เจนภพพยายามอ่านท่าที คิดว่าเธอต้องการดอกไม้ จึงดึงลิลลี่มาให้เธอดอกหนึ่ง

“คุณจะขออโหสิกรรมกับเขาหรือ”

เจนภพเสียงสั่น แล้วจับมือนพนภา 2 ข้างขึ้นประกบพนมบนอก วางดอกลิลลี่ในมือพนมนั้น

“อโหสิกันเถอะนะนภา อโหสิกรรมกับตาและพี่สาวตาให้หมด ไม่ใช่เพื่ออะไร หรือเพื่อใครแต่เพื่อใจของคุณเอง”

นพนภาพนมมือ หลับตาลงส่งจิตรวมเป็นหนึ่งขออโหสิกรรม น้ำตารินไหลลงจากหางตา

“ดอกไม้นี่จะเป็นดอกไม้ของเราสองคน ที่จะได้ใส่ลงในไฟเผาตา” นพนภาสบตาสามีเหมือนรับคำ

ก่อนวันงานเผาศพมุตตา ทุกคนต่างก็เดินทางมาร่วมงานของเธอกันอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งเพื่อน ๆ ในกระทรวง...เจนภพมานอนพักที่โรงแรมที่เดียวกับวีกิจ และเพื่อนร่วมงาน...ไสวรินทร์ พนักงานต้อนรับของโรงแรมเจอหน้าเจนภพก็ปิ๊งเขาขึ้นมา

มุนินทร์ลงมาดูความเรียบร้อย เห็นพ่อกับแม่นั่งดูหนังสืองานศพของมุตตาก็เข้ามาคุยด้วย พิณบ่นเรื่องลูกศรที่ทำตัวไม่เรียบร้อย ผลุบผลับ ๆ มุนินทร์ช่วยแก้ต่างแทนเพื่อนว่า เธอคือลูกสาวอดีตรัฐมนตรี แม่เป็นคุณหญิง ที่บ้านรวยมีเงินเป็นพันล้าน ส่วนลูกศรเองก็กำลังจะไปทำดอกเตอร์ที่เมืองนอก ท่าทีของพิณที่มองลูกศรก็เปลี่ยนไปทันที

“มิน่าเขาถึงมีออโรร่าผิดจากพวกเรา เฮ้อ แปลกจริง คนเหมือนกัน แต่ทำไมต่างกันนัก” 

“กรรมไงเล่า กรรมแยกคนให้ประณีต เลวทรามแตกต่างกัน”

“พูดถึงกรรม เขาว่าคนฆ่าตัวตาย ต้องฆ่าตัวตายไปอีกห้าร้อยชาติ”

“ใครว่าคะ” มุนินทร์พูดน้ำเสียงไม่พอใจ

“หมอสะไบทิพย์นั่นไงว่าไว้ ทายแม่นเหมือนตาเห็น ทำไมนะทำไมตอนมันขอไปอยู่กรุงเทพฯถึงได้ลืมไปหมด”

“เพราะกรรม” แปลกรำพึง

“คำทำนายนั่นจะไม่แม่นหรอกค่ะ ถ้าเราทุกคนเอาใจใส่ดูแลตามากกว่านี้ หนูเชื่อเรื่องกรรม หนูเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แต่หนูไม่เชื่อเรื่องลูกหมาห้าร้อยชาติ หรือเป็นคนพิการห้าร้อยชาติ”

“แล้วแกเชื่ออะไร” พิณถามลูกสาว

“ทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัยต่างหากคะ กรรมอยู่ที่จิตเจตนาของเรา วันไหนเราคิดได้ เรารู้เราตื่น ก็จะพ้นทุกข์ได้”

พิณฟังอย่างไม่เข้าใจนัก นายแปลกนั่งฟังอย่างพอใจ

“ถึงตาเป็นดวงวิญญาณ แต่ถ้าจิตของตาคิดได้ ตาก็หลุดพ้นได้เหมือนกัน ถ้าแม่อยากเชื่อเรื่องห้าร้อยชาตินั่น ก็ให้เชื่อว่านี่คือชาติที่ห้าร้อยของตา ต่อไปตาจะหมดเวรแล้ว”

นางพิณยิ้มออก มุนินทร์เอามือแม่มาจูบ นายแปลกปลื้มใจลูก ...ทันใดมีลมแรงพัดมาเบา ๆ กลิ่นดอกไม้หอมฟุ้งไปทั่วบ้าน โมบายรอบบ้านดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ กังวานใส สามพ่อแม่ลูกนั่งน้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ

เมื่อถึงเวลาเผาศพมุตตา ทุกคนมาพร้อมกันที่วัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสลด แปลกเห็นเจนภพนั่งหน้าเศร้า คุกเข่าลงหน้าศพก้มหน้านิ่ง น้ำตาหยดลงบนช่อดอกลิลลี่ วีกิจมองดูพลางถอนใจ แปลกเห็นอาการของเจนภพจึงกระซิบถามมุนินทร์

“เขาหรือนิน”

“พ่อจะให้อภัยเขาไหมคะ”

“ตาต่างหากลูกที่จะเป็นคนตัดสิน ว่าจะให้อภัยเขาหรือไม่”

เจนภพยืนขึ้น มุนินทร์เดินเข้ามาบอกให้เจนภพไปวางดอกไม้จันทน์ก่อนใคร เพราะถือว่าเขาเป็นคนสำคัญที่สุดของมุตตา

“ผมรู้ ผมหวังไว้ว่าในชาติหน้า ผมจะได้พบกับเขาอีก ขอให้จำกันได้ในทันที ได้มีโอกาสทดแทน...ตาให้หมด” เจนภพพูดอย่างสำนึกผิด

“ตาคงได้ยินสิ่งที่คุณพูด”

“ตา นี่ดอกไม้ของผม”

เจนภพวางดอกลิลลี่ทั้งช่อลง และดึงลิลลี่อีกดอกจากอกเสื้อ

“นี่ดอกไม้ของนภา นภาขออโหสิกรรมกับตา ตาอโหสิกรรมให้นภาด้วย”

มุนินทร์ได้ยินรู้สึกตื้นตัน เจนภพวางดอกลิลลี่เดี่ยวลงข้างช่อดอกลิลลี่ ก้มศีรษะอย่างต่ำแล้วถอยไป มุนินทร์วางดอกไม้จันทน์ลงพร้อมวีกิจ มือแตะกัน วีกิจจงใจไม่ดึงออก มุนินทร์ทำหน้านิ่ง

“ขอให้ไปสู่ภพใหม่ที่สุขสงบนะตา”

“ขออย่าให้เจอคนที่ทำร้ายเราอีกเลย”

มุนินทร์ดึงมือออกถอยไป วีกิจถึงกับอึ้ง...เพื่อน ๆ วางดอกไม้จันทน์ ก่อนทำพิธีเผาจริง เปลวเพลิงท่วมโลง ควันสีเทาพวยพุ่งจากปล่องเมรุสู่ท้องฟ้าสดใส เจนภพมองตามเปลวควันน้ำตาซึม พิณเป็นลมล้มพับ มีแปลกคอยดูแล มุนินทร์ยืนส่งใจไป บรรดาเพื่อน ๆ ทั้งที่เคยดี เคยร้ายต่อกัน น้ำตาเอ่อกันทุกคน

หลังจบงานแต่ละคนต่างแยกย้ายกันกลับ แต่วีกิจยังอยู่ที่ไร่ดอกไม้ เพื่อสารภาพความจริงกับมุนินทร์ว่าเขารักเธอ

“คุณรักคนที่คุณไม่เคยรู้จักได้ยังไงคะ”

“แล้วคุณสนิทกับผมได้ยังไง คุณก็แทบไม่รู้จักผมเหมือนกัน”

“นั่นมันแค่มารยาสาไถยของฉันต่างหากคะ”

มุนินทร์อดไม่ได้ที่จะเอาคำวันนั้นมาตอกกลับ วีกิจสะอึก

“แต่ผมแยกออกว่าอะไรคือมายา อะไรคือความจริง”

“ความจริงก็คือ คุณรักตา ไม่ได้รักฉัน”

วีกิจเพิ่งรู้ความจริงว่านี่คือสิ่งที่ติดข้องอยู่ในใจมุนินทร์

“ความจริงก็คือ เมื่อตาปฏิเสธผม ผมไม่รู้สึกอะไร แต่วันที่คุณมาปรากฏตัวแทนตา ผมกลับรู้สึกเปลี่ยนไปมันก่อตัวขึ้นทีละน้อย จนผมรู้ว่า ผมรักมุตตาที่เข้มแข็ง ผมรักเพราะว่าคุณไม่ใช่มุตตา ผมหลงรักมุนินทร์ตั้งแต่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนชื่อมุนินทร์ในโลกนี้”

อ่านละคร แรงเงา วันที่ 13 พ.ย. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา เดลินิวส์


0 ความคิดเห็น:

รากบุญ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

รากบุญ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555

เลยให้โอ้เอ้ไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดให้ทุกคนดู จะได้รู้ว่าใครเป็นคนโกหก แถมเจติยายังมีหลักฐานที่ทั้งสองคนไปล่ารายชื่อพนักงานแต่ละแผนกที่ลุงทวีแอบเก็บไว้มามอบให้ลาภิณด้วย

ปองรีบคิดหาทางแก้ตัว “ก็ผมเห็นว่าคุณลาภิณยังไม่พร้อมจะบริหารงาน แล้วมันผิดเหรอครับ ที่ผมจะคิดต่าง”

ย้งช่วยเสริม “ผมว่าคุณจะฉวยโอกาสนี้ไล่พวกเราออกมากกว่า คิดเหรอครับว่าทำแบบนี้แล้วพนักงานคนอื่นจะยอมรับคุณ”

ลาภิณเปิดลิ้นชัก หยิบแฟ้มเอกสารออกมาแฟ้มหนึ่ง พร้อมกับลุกขึ้นยืน “แล้วหลักฐานทุจริตพวกนี้ล่ะ พอที่ไล่พวกนายออกได้รึยัง ช่วงที่ฉันไม่เข้าบริษัทมาสองสามวัน ก็เพราะมัวแต่ยุ่งหาหลักฐานพวกนี้อยู่ ทั้งเบิกค่าโอทีเกิน สั่งของผิดสเปก แล้วก็เอาของบริษัทไปใช้ส่วนตัวอีก ทุกอย่างมีหลักฐานแล้วก็พยานครบถ้วน ทีนี้ก็เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะยอมโดนไล่ออกดี ๆ หรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจ”

ปอง และย้ง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เหล่ไปทางพิสัย พิสัยมองกลับด้วยสายตาถมึงทึง เจ็บใจที่ลูกน้องโกงแล้วทิ้งหลักฐานให้ลาภิณจับได้ขนาดนี้ เจติยามองลาภิณด้วยความทึ่ง คิดไม่ถึงว่าลาภิณจะจริงจังหาหลักฐานเล่นงานคนพวกนี้ได้


ระหว่างที่เจติยา นวัช นิษฐากำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ร้านข้างทาง จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น นวัชรีบลุกตามเสียงกรีดร้องไปทันทีตามวิสัยตำรวจ นิษฐาตามไปติด ๆ ตามวิสัยนักสังคมสงเคราะห์ เจติยาถอนใจแล้วลุกเดินตามไป

นวัชวิ่งนำตามเสียงกรีดร้องมาถึง ก็เห็นแม่น้องออยนั่งกอดศพน้องออยเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 7-8 ขวบที่ถูกรถชนเลือดท่วมพร้อมกับร้องไห้ราวกับจะขาดใจ โดยมีคนมุงอยู่ 3-4 คน นวัชพยายามซักถามเหตุการณ์แต่ก็รู้เพียงแค่ว่าน้องออยถูกรถชนแล้วหนีไป ไม่มีใครเห็นตอนที่ถูกชนเลยแม้แต่คนเดียว เจติยาเดินเข้าไปหาศพน้องออยด้วยความสงสารจับใจ ทันใดนั้นเอง ศพน้องออยก็หันมามองเจติยาตาเขม็ง

“บอกความจริง”

เจติยาผงะ ตกใจสุด ๆ ที่งานต่อไปของกล่องรากบุญคือค้นหาความจริงให้กับวิญญาณน้องออยนั่นเอง

ก่อนนอนคืนนั้น เจติยาหยิบกล่องรากบุญขึ้นมาดู พร้อมกับย้อนนึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับลุงทวีเมื่อตอนกลางวัน

“เราหลีกเลี่ยงคำขอร้องของวิญญาณพวกนั้นไม่ได้หรอกหนูเจ เพราะถ้าเราไม่ทำ หรือทำไม่สำเร็จภายในหนึ่งเดือน เราก็จะต้องตาย”

“ถ้าอย่างงั้น มันก็ไม่ต่างจากเราตกเป็นทาสของกล่องรากบุญสิคะลุง ต้องทำไปเรื่อย ๆ ตามที่กล่องต้องการ จนกว่าจะตาย หรือไม่ก็หาเจ้าของใหม่ให้กล่องได้”

“นั่นแหละ ลุงถึงได้ให้กล่องกับคุณสารัช ทันทีที่รู้ว่าคุณสารัชเป็นมะเร็ง เพราะลุงเองก็กลัวเหมือนกันว่าซักวันต้องตายเพราะกล่องใบนี้ ถ้าหนูเจเริ่มกลัว ก็มองหาเจ้าของคนใหม่สิ เลือกคนที่มีความปรารถนาแรงกล้า แล้วก็เป็นคนดีพอที่จะไม่ใช้กล่องใบนี้ไปในทางที่ผิด”

“แต่ถ้าเจหาเจ้าของคนใหม่ ก็เท่ากับมีทาสเพิ่มขึ้นอีกคนนึงสิคะ”

“เจพูดเหมือนคุณสารัชเลยนะ คุณสารัชก็คิดอย่างงี้ถึงไม่ได้ยกกล่องให้ใครซะที จนเวลาของเค้าใกล้จะหมดลง ถึงได้ยกให้กับหนู”

“แต่เจไม่อยากทำอะไรแบบนี้แล้วนี่คะ”

“ลุงเข้าใจว่าหนูเครียด ยังไงก็นึกซะว่าสิ่งที่กล่องให้ทำเป็นสิ่งที่ดีก็แล้วกัน แถมยังได้อธิษฐานขออะไรก็ได้เป็นรางวัลอีก”

“ลุงเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เจไม่ได้เครียดที่ต้องช่วยเหลือวิญญาณพวกนั้น แต่ที่เจไม่อยากทำ เพราะเจคิดว่าการทำความดีต้องมาจากใจจริง ไม่ใช่การบังคับ หรือการเอาพรวิเศษมาล่อแบบที่กล่องรากบุญทำอยู่”

“ลุงไม่เคยเห็นใครคิดแบบหนูเลย”

“ลุงคะ แล้วถ้าเจจะช่วยเหลือวิญญาณพวกนั้นต่อไป แต่ไม่ขอพรอะไรจากกล่องรากบุญอีกล่ะคะ จะเป็นอะไรรึเปล่า”

“ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน ขนาดคุณสารัชที่ท่านมีพร้อมทุกอย่างจนไม่รู้จะขออะไรอีกแล้ว ก็ยังขอในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเรื่อยเปื่อย เพื่อให้กล่องมันทำหน้าที่ของมันต่อไป”

เจติยา สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ว่าจะทำยังไงกับกล่องดี สุดท้ายหญิงสาวตัดสินใจวางกล่องรากบุญในมือลง “ฉันจะไม่ยอมตกเป็นทาสของแกหรอก แม่ฉันหายป่วย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว สิ่งอื่นที่ฉันอยากได้ ฉันจะหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง ไม่มีอะไรที่ฉันจะขอจากแกอีกแล้ว เข้าใจซะด้วย”

เจติยาวางกล่องลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่กล่องรากบุญมีเงาดำทะมึน ไหววูบวาบอยู่บนกล่อง รูปยักษ์แกะสลักบนฝากล่อง เปล่งแสงสีแดงฉานจากนัยน์ตายักษ์ เหมือนไม่พอใจความคิดแบบนี้ของเจติยามาก

เช้าวันรุ่งขึ้น น้องออยมาปรากฏตัวให้เจติยาเห็นอีกครั้ง เร่งให้เจติยารีบบอกความจริงว่าใครเป็นคนขับรถชน เจติยาทานข้าวเช้าเสร็จรีบแวะไปหานวัชที่บ้าน เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีน้องออย แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า นวัชฉวยโอกาสอาสาขับรถไปส่งเจติยาที่คณะ

พอไปถึงก็ได้พบกับนิษฐาที่เดินคุยมากับกุลธิดาที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกเข้าพอดี เจติยาเห็นกุลธิดาก็ดีใจมาก รีบปรี่เข้าไปทักทาย กุลธิดาแกล้งกระเซ้าเจติยาเรื่องนวัช เจติยารีบแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกัน นิษฐากลัวเจติยาจะหลุดปากพูดเรื่องที่ตนแอบชอบนวัชออกมา รีบไล่ให้กุลธิดาแยกย้ายไปเรียน พร้อมกับดึงแขนเจติยาให้เดินไปอีกทาง บังเอิญได้เจอกับลาภิณเข้าพอดี ต่างฝ่ายต่างแปลกใจ

“คุณลาภิณ มาได้ยังไงคะเนี่ย จะมาตามตัวพนักงานกลับไปทำงานรึเปล่าคะ” นิษฐาแอบเหล่มองเจติยา

“เปล่าหรอกครับ วันนี้ผมมาบรรยายเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับศพให้นักศึกษาฟัง พอดียังไม่ถึงเวลา ก็เลยแวะมาหากาแฟดื่มแก้ง่วงซักแก้ว”

เจติยาขยับปากพูดพึมพำ หมั่นไส้ “ถอนเมาค้างซะมากกว่า”

ขณะนั้นเอง ก็มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เดินหน้าตาตื่นเข้ามามาหาเจติยากับนิษฐา “เธอสองคนเป็นเพื่อนสนิทกับเอียดใช่มั้ย”

“ใช่ มีอะไรเหรอ”

“ภัสเพื่อนฉันมันสติแตก หาว่าเอียดแย่งพี่บอย มันก็เลยเอามีดขู่เอียดให้ไปกับมัน เธอรีบตามไปดูหน่อยเถอะ”

นวัชเป็นห่วงความปลอดภัย “แล้วเค้าพาตัวเพื่อนคุณไปไหนครับ”

“ดาดฟ้าคณะค่ะ”

เจติยาหน้าเครียด “ฐารู้จักพี่บอยอะไรนี่มั้ย”

“รู้จัก อยู่คณะถาปัตย์”

“งั้นแกรีบไปตามพี่บอย ฉันกับพี่หมวดจะไปช่วยเอียดก่อน ไปค่ะพี่หมวด”

นิษฐาบอกกับนักศึกษาหญิงที่เดินมาตามพวกเธอให้ไปบอกอาจารย์ให้ตามไปเร็ว ๆ แล้วทุกคนก็รีบแยกย้ายกันไป ลาภิณยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เห็นยังพอมีเวลาเหลือ เลยตามออกไปอีกคน

ภัสสรถือมีดคัตเตอร์ขู่ให้กุลธิดาเลิกยุ่งกับพี่บอย กุลธิดาพยายามอธิบาย แต่ภัสสรไม่ฟัง เงื้อมือจะเอาคัตเตอร์ฟันลงไปที่หน้ากุลธิดา กุลธิดากรี๊ดลั่น กลัวสุดขีด แต่ทันใดนั้น ประตูดาดฟ้าก็เปิดออก พร้อมกับเจติยา นวัช อาจารย์วิเชียร และนักศึกษาเพื่อนภัสสรอีก 2-3 คนตามเข้ามา โดยมีลาภิณตามเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

ภัสสรเห็นคนมากันเยอะก็ตกใจกลัว รีบเข้าไปล็อกแขนกุลธิดาไว้ทันที “อย่าเข้ามานะ ถ้าใครเข้ามา ฉันกับนังนี่จะตกลงไปตายพร้อมกันให้ดู”

“ฟังอาจารย์ก่อนภัสสร ค่อย ๆ คิด เธอยังมีอนาคตอีกไกล จะมาตัดอนาคตตัวเองทำไม”

นวัชกระซิบบอกเจติยาให้หาทางถ่วงเวลาดึงความสนใจไว้ก่อน จากนั้นนวัชก็ค่อย ๆ ถอยหลังออกมา แล้วเดินอ้อม ๆ ไปเพื่อให้พ้นสายตาของภัสสร เจติยาคิดหาเรื่องคุยถ่วงเวลาอยู่ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยไม่รู้จะทำไงดี ลาภิณเห็นท่าทางเป็นกังวลเลยเดินเข้าไปหา สองคนช่วยกันพูดถ่วงเวลา ภัสสรโดนกดดันจนสับสนหนัก ขณะนั้นเอง นิษฐาก็พาบอยเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

บอยทั้งโกรธทั้งอาย “ปล่อยเอียดเดี๋ยวนี้นะภัส เอียดเค้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไปยุ่งกับเค้าทำไม”

“พี่บอยปกป้องมันเหรอ รักมันมากใช่มั้ย ดี งั้นภัสจะให้มันตายพร้อมกับภัสไปเลย”

ภัสสรพยายามจะลากกุลธิดาไป กะจะโดดตึกลงไปด้วยกัน ทันใดนั้นเอง นวัชก็กระโจนเข้าล็อกตัวภัสสรทันทีจากทางด้านหลัง นวัชบิดมือภัสสรจนคัตเตอร์หลุดตกพื้น แล้วจับตัวภัสสรเอาไว้ ในขณะที่กุลธิดารีบวิ่งเข้าไปกอดเจติยากับนิษฐาทันทีด้วยความตื่นตระหนก ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคน

พอจบเรื่องภัสสรก็เริ่มกลัวขึ้นมา หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้องพักอาจารย์ไม่หยุด จนบอยเริ่มรำคาญ

“หยุดร้องซะทีเถอะภัส ก่อเรื่องจนคนเค้าเดือดร้อนไปกันหมดแล้ว”

นิษฐาไม่พอใจ “ก็ต้องโทษความเจ้าชู้ของพี่น่ะแหละ อุตส่าห์ไปตามพี่มาช่วยพูด กลับทำให้แย่หนักเข้าไปอีก”

นวัชรีบตัดบท “เอาเถอะ เมื่อเคลียร์กันได้แล้วก็ดี”

“เคลียร์กันได้ตรงไหนคะพี่หมวด เมื่อกี๊เอียดกลัวแทบตาย ถ้าพี่หมวดช่วยไว้ไม่ทัน ป่านนี้เอียดอาจจะตกลงไปคอหักตายไปแล้วก็ได้ เพราะฉะนั้น ยังไงเอียดก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“ฉันขอโทษ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอจริง ๆ หรอกนะเอียด ฉันก็แค่ต้องการขู่ให้เธอเลิกกับพี่บอยเท่านั้นเอง ถ้าฉันคิดจะทำร้ายเธอจริง ๆ ฉันทำไปนานแล้ว ไม่พาเธอขึ้นไปถึงบนดาดฟ้าให้เสียเวลาหรอก”

“ตอนนี้เธอจะพูดยังไงก็พูดได้ กลัวขึ้นมาล่ะสิ”

เจติยาช่วยพูดไม่ให้กุลธิดาเอาเรื่องภัสสร บอยช่วยขอร้องอีกคน ภัสสรรู้สึกซาบซึ้ง ดีใจที่บอยปกป้อง อ.วิเชียรช่วยพูดด้วยอีกคน

“ไม่ใช่ว่าอาจารย์เข้าข้างภัสสรมากกว่าเธอหรอกนะกุลธิดา แต่ถ้าสถานการณ์กลับกัน อาจารย์ก็ไม่อยากให้เธอต้องมีประวัติด่างพร้อยเพราะเรื่องแบบนี้เหมือนกัน”

อ.วิเชียรหน้าเครียดไปอย่างผิดสังเกตหลังพูดประโยคนี้จบ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจอยู่มาก กุลธิดาคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ ก่อนตัดสินใจไม่เอาเรื่องภัสสร

หลังบรรยายเสร็จ ลาภิณเดินมาเจอเจติยาหน้าตึกเรียนโดยบังเอิญ ทั้งสองหยุดแวะทักทายพูดคุยกัน จังหวะนั้นเองน้องออยปรากฏตัวขึ้นแล้วชี้ให้เจติยาดูรถสีดำที่ชนเธอ เจติยาหันมองตาม เห็นรถสีดำคันหนึ่ง จอดอยู่หน้าตึก

ทันใดนั้นเอง อาจารย์วิเชียรก็เดินออกมาจากตึกเรียน แล้วกดรีโมตปลดล็อกรถสีดำคันนั้น ก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งแล้วขับออกไป เจติยาตกใจมากที่รู้ว่าฆาตกรที่ขับรถชนน้องออยคือใคร

เจติยาจดเลขทะเบียนรถ อ.วิเชียรไปให้นวัช แต่ไม่ยอมบอกว่าไปได้เลขทะเบียนรถที่ชนน้องออยมาได้ยังไง นวัชเอะใจคิดว่าเจติยาอาจฝันถึงน้องออยเหมือนกับคดีป้านิภาเจติยาไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยรับสมอ้างตามที่นวัชพูด นิษฐารู้สึกแปลกใจสุด ๆ เมื่อได้รู้เรื่องคดีป้านิภาจากปากนวัช

แม้นวัชจะเชื่อคำพูดเจติยา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถเอาผิด อ.วิเชียรได้ กลางดึกคืนนั้น น้องออยบุกไปอาละวาดใส่เจติยา ไม่พอใจที่เจติยาไม่ยอมบอกความจริงทั้งที่รู้ตัวฆาตกรแล้ว เจติยาพยายามอธิบาย แต่น้องออยไม่ฟัง อาละวาดไม่ยอมหยุด

เจติยาตกใจแทบช็อก ก่อนจะฮึดสู้ ตวาดใส่ด้วยอารมณ์โกรธ เหมือนดุน้อง เสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะออย ถ้าไม่มีเหตุผลแบบนี้ ต่อไปพี่จะไม่ช่วยเหลืออะไรอีกแล้ว”

น้องออยตกใจมากอารมณ์เด็กถูกดุแล้วกลัว หายวับไปทันที ทุกอย่างกลับเป็นปกติ เจติยาเครียดจัด กลัวจนจะประสาทเสียอยู่แล้ว

นทีขาดเรียนติดต่อกันบ่อยจนจะหมดสิทธิสอบแล้ว ครูประจำชั้นเป็นห่วงเลยไปหาที่บ้าน เจติยาพอรู้เรื่องก็ไม่พอใจมาก รีบบุกไปตามหาที่หอพักเพื่อนนทีทันที พอไปถึงเห็นนทีกำลังนั่งเล่นเกมฟุตบอลอยู่กับเพื่อนก็รีบปรี่เข้าไปกระชากนทีออกจากห้องท่ามกลางความตกใจของพวกเพื่อน ๆ

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่ พี่จะมาทำกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ไม่ใช่เด็กเหรอ แล้วที่แกหลอกแม่หลอกฉันว่าไปเรียน แต่กลับมามั่วสุมอยู่ที่นี่ล่ะ เค้าเรียกว่าอะไร นี่ถ้าอาจารย์ประจำชั้นของแกไม่ไปหาที่บ้าน ฉันกับแม่ก็ยังโง่ถูกแกหลอกไปเรื่อย ๆ”

“พี่ไม่มีวันเข้าใจผมหรอก ผมเป็นตัวเต็งที่จะได้รับเลือกเข้าทีมฟุตบอล แต่อยู่ ๆ ก็วืด ผมอายจนไม่อยากสู้หน้าใครแล้ว พี่จะให้ผมไปโรงเรียนอีกเหรอ”

“นี่น่ะเหรอเหตุผลของแก เอาสีข้างเข้าถูชัด ๆ ฉันกับแม่เหนื่อยสายตัวแทบขาดเพื่อหาเงินส่งแกเรียน แต่แกกลับไม่ไปเรียนเพราะเหตุผลงี่เง่า ไม่มีสมองยังงี้ก็อย่าเรียนมันเลย”

“เอะอะก็ขู่ไม่ให้เรียน เอาซี แน่จริงก็เอาผมออกมาเลยสิรับรองว่าแม่ไม่มีทางยอมให้พี่ทำหรอก”

“แกทำผิดขนาดนี้ ยังกล้ามาท้าทายฉันอีกเหรอ ก็ได้ เมื่อแกไม่รักดียังงี้ ต่อไปนี้ฉันก็จะไม่ยุ่งกับแกอีก สตางค์แดงเดียว ฉันก็จะไม่มีวันให้แก”

“ไม่ให้ก็ไม่เอา คิดว่ามีเงินแล้วคนอื่นต้องง้อเหรอ ผมหาเงินใช้เองก็ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุณ ให้พี่มานั่งทวงได้ทุกวัน”

นทีหนีกลับเข้าหอพักเพื่อนไป เจติยามองตามด้วยความโกรธจัด ทั้งโกรธทั้งผิดหวังในตัวน้องชายสุด ๆ

ชูจิตอ่านเอกสารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยมีพิสัยยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ในขณะที่ลาภิณ และปริมยืนอยู่ใกล้ ๆ

“พี่จิตฟังผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งฟังความฝ่ายเดียว โอเคถึงโรงงานผมจะส่งไม้ทำโลงศพทั้งหมดให้บริษัท แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดอะไรนี่ครับ ที่ไหน ๆ เค้าก็ทำกันทั้งนั้น บริษัทในเครือ บริษัทลูก ไม่เห็นแปลก”

“ใช่ ไม่แปลก แต่โรงไม้ของน้าไม่ใช่บริษัทลูกของเรา และไม่มีใครรู้ว่าน้าเป็นเจ้าของกิจการ ทำไมน้าพิสัยถึงต้องปิดเรื่องนี้ด้วยล่ะครับ”

“ก็เพราะน้าไม่อยากให้พวกไม่หวังดีกับครอบครัวเรา เอาไปพูดให้กินแหนงแคลงใจกันน่ะสิ...แล้วมันก็เป็นจริง ๆ อย่างที่น้ากลัว”

“เหรอครับ ผมสืบมาหมดแล้ว ว่าน้าอยู่เบื้องหลังประมูลงาน โรงไม้ของน้าประมูลงานได้ทั้งที่โรงไม้เจ้าอื่นให้ราคาต่ำกว่า”

“คุณภาพไม้มันต่างกัน”

“ใช่ครับ ไม้จากโรงงานของน้าผิดสเปกตลอด ยังดีที่ลูกค้าไม่รู้ ไม่อย่างงั้นเราถูกฟ้องร้องเสียชื่อบริษัทไปนานแล้ว...ผมไม่ได้กล่าวหาลอย ๆ ผมมีหลักฐานยืนยันคำพูดทุกอย่าง”

พิสัยหน้าซีดเผือด เจอต้อนจนมุม ชูจิตสงสารพิสัย เลยช่วยพูดแก้ให้ “เรื่องไม้ไม่ตรงตามสเปกแม่จะจัดการเองแล้วกัน ส่วนเรื่องที่น้าพิสัยเค้าเป็นเจ้าของโรงไม้ แม่รู้อยู่แล้วล่ะ ตอนจะเปิดกิจการพิสัยเค้าก็มาปรึกษากับแม่ตลอด” 

พิสัยอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าชูจิตจะเข้าข้างตน จริง ๆ ชูจิตไม่รู้อะไรด้วยเลย ลาภิณแอบถอนใจเซ็ง ๆ ที่แม่เข้าข้างน้องชายอีกแล้ว

“ขนาดนี้แล้ว คุณแม่ยังจะเข้าข้างน้องชายอีกเหรอครับ”

“แม่ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นล่ะ คิดดูสิต้น ยังไงซะเราก็ต้องสั่งไม้มาทำโลงศพอยู่แล้ว แล้วจะเอาเงินไปให้คนอื่นทำไม สู้อุดหนุนคนกันเองไม่ดีกว่าเหรอจ๊ะ”

“ถ้าคุณแม่เห็นดีด้วยแบบนี้ก็แล้วไป ไปกันเถอะปริม” ลาภิณเดินหัวเสียนำออกไป

“ขอบคุณมากครับพี่จิต”

“เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันต่อนะพิสัย”พิสัยจ๋อยเจื่อนไป หลบสายตาแต่ยังแอบหันไปมองตามลาภิณด้วยสายตาเกลียดชังจับใจ

ปริมไม่พอใจแทนลาภิณ ตอนเดินออกมาจากห้องทำงานชูจิตด้วยกัน อดที่จะถาม
ลาภิณไม่ได้ว่าทำไมชูจิตถึงได้กางปีกปกป้องพิสัย ทั้งที่เห็นหลักฐานทั้งหมดแล้ว ลาภิณบอกให้รู้ว่าชูจิตเลี้ยงพิสัยเหมือนลูก พอตากับยายเสียก็ยิ่งสงสาร ยิ่งตามใจพิสัยมากขึ้น

“จริง ๆ คุณต้นกับน้าพิสัยน่าจะสนิทกันนะคะ อายุก็ไล่เลี่ยกันแถมยังเป็นน้าหลานแท้ ๆ กันอีก ไม่น่าไม่ลงรอยกันแบบนี้เลย”

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 13 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
รากบุญ ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ที่มา เดลินิวส์


0 ความคิดเห็น: